ทำจมูก หรือการศัลยกรรมจมูก (Rhinoplasty) คือการผ่าตัดเปลี่ยนรูปร่างของจมูก โดยอาจมีจุดประสงค์เพื่อปรับรูปร่างลักษณะของจมูกใหม่ หรือช่วยแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือความบกพร่องแต่กำเนิด นอกจากนี้ ในปัจจุบันการผ่าตัดทำจมูกยังเป็นการผ่าตัดเสริมความงามเพื่อเสริมความมั่นใจให้ตนเองด้วยเช่นกัน
การผ่าตัดศัลยกรรมจมูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยส่วนใหญ่มักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างจมูกดังนี้
ขั้นตอนการทำจมูก
การศัลยกรรมจมูกเป็นหนึ่งในการผ่าตัดศัลยกรรมพลาสติกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยการผ่าตัดจะเน้นการตกแต่งกระดูกอ่อนที่บริเวณจมูก หรือเสริมวัสดุสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับการศัลยกรรมเข้าไปที่บริเวณสันจมูก นอกจากนี้บางกรณีอาจมีการตกแต่งบริเวณปลายจมูกและปีกจมูกร่วมด้วย
สาเหตุของการศัลยกรรมจมูกอาจมาจากความไม่พึงพอใจในรูปร่างจมูกของตนเอง ซึ่งในกรณีนี้จะเข้าข่ายเป็นการผ่าตัดเสริมความงาม แต่นอกเหนือจากนี้ การผ่าตัดศัลยกรรมจมูกก็ยังทำเพื่อแก้ไขจมูกที่ผิดรูปร่างหรือเสียหายจากอุบัติเหตุ และการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ และความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิด ทั้งนี้ในการทำจมูก แพทย์จะพิจารณาว่าผู้ใดสามารถเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ด้วยการคำนึงถึงหลักในการผ่าตัด สภาพจิตใจของผู้เข้ารับการผ่าตัด และปัจจัยสุขภาพหลายประการ โดยกลุ่มคนที่ไม่ควรทำศัลยกรรมจมูก ได้แก่
หากการทำจมูกนั้นทำเพื่อเสริมความงาม ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรรอให้กระดูกที่บริเวณจมูกเจริญเติบโตให้เต็มที่ก่อน โดยในผู้หญิงควรอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ส่วนสำหรับผู้ชายจะอยู่ที่ประมาณอายุ 15-16 ปี จึงจะเริ่มทำศัลยกรรมจมูกได้ หากเป็นผู้ที่ต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการหายใจก็สามารถทำได้ทันทีหากแพทย์พิจารณาแล้วเห็นสมควร
วิธีการทำจมูก
การผ่าตัดศัลยกรรมจมูกมีเทคนิคในการผ่าตัดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพและเป้าหมายของผู้เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกอาจทำจากภายในจมูก หรือกรีดเป็นแผลเล็ก ๆ ภายนอกที่ฐานของจมูกบริเวณระหว่างรูจมูก และอาจทำการตกแต่งกระดูกอ่อนที่ใต้ผิวหนังก่อนทำการผ่าตัด การตกแต่งกระดูกจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ รูปร่างจมูกของผู้เข้ารับการผ่าตัด และปริมาณของวัสดุที่ต้องการเสริมเข้าไป หากเป็นการเสริมขึ้นเพียงเล็กน้อย ศัลยแพทย์อาจนำกระดูกอ่อนจากด้านในของจมูก หรือนำกระดูกอ่อนจากใบหูมาเป็นวัสดุเสริม แต่หากต้องการเสริมมากขึ้น อาจต้องใช้กระดูกอ่อนที่ปลูกถ่ายกระดูกจากบริเวณซี่โครง หรือกระดูกอ่อนจากส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย หรือในบางกรณีก็อาจใช้วัสดุสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับการศัลยกรรม เช่น ซิลิโคน เป็นต้น
การทำจมูกจำเป็นจะต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ร่วมกับยากล่อมประสาทหรือยาสลบ ซึ่งการเลือกใช้ยาดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนในการผ่าตัด และความชำนาญของศัลยแพทย์ ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าถึงประเภทของยาชาที่ใช้ เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่ายาชาประเภทใดเหมาะกับผู้เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุด
ทั้งนี้หลังจากการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะถูกนำไปยังห้องพักฟื้น ซึ่งเจ้าหน้าจะคอยเฝ้าดูระดับการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และรอให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดรู้สึกตัว โดยผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียวกัน หรือหากมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ก็จำเป็นจะต้องค้างคืนเพื่อรอดูอาการอื่น ๆ ต่อไป
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
เมื่อตัดสินใจที่จะเข้าทำการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกแล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดและทีมศัลยแพทย์จะต้องหารือกันเรื่องแนวทางในการผ่าตัด โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ และสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งปัจจัยที่ศัลยแพทย์นำมากำหนดแนวทางในการผ่าตัดมีดังนี้
หากสามารถกำหนดวันเข้ารับการผ่าตัดได้แล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรนัดแนะให้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดมารับหลังจากผ่าตัดเสร็จในกรณีที่เป็นการผ่าตัดแบบที่สามารถกลับบ้านได้ทันที และควรมีคนอยู่ด้วยหลังจากผ่าตัดอย่างน้อย 1-2 คืน เพื่อดูแล เนื่องจากหลังจากการผ่าตัด ฤทธิ์ของยาชาอาจทำให้เกิดอาการหลงลืม หรือมีปฏิกิริยาตอบโตช้ากว่าปกติ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดควรงดใช้ยาแก้ปวด อาทิ ยาแอสไพริน หรือไอบูโพรเฟนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้เลือดไหลออกมากกว่าที่ควรจะเป็นในระหว่างการผ่าตัด หากจำเป็นต้องใช้ยาควรเป็นยาที่แนะนำโดยศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้เท่านั้น และควรงดหรือเลิกสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่จะทำให้กระบวนการในการรักษาตัวของการผ่าตัดเป็นไปได้ช้าลง และอาจทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น
การดูแลหลังผ่าตัด
โดยปกติแล้วการผ่าตัดทำจมูกจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจะมีการนอนพักเพื่อดูอาการ หากไม่มีอะไรที่ผิดปกติแพทย์จะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ ทั้งนี้แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดหยุดพักอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าจะสามารถกลับมาทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ตามปกติ ขณะที่ในช่วงแรก ๆ อาการบวมจะยังคงอยู่ และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นไปอาการบวมและแดงจึงจะค่อย ๆ ลดลง และเผยให้เห็นรูปร่างของจมูกที่เปลี่ยนไปได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งแล้วแต่สภาวะร่างกายของแต่ละบุคคล
ทว่าการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกก็มีความเสี่ยงและสามารถพบภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัด ได้แก่
นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากความผิดพลาดจากการผ่าตัดหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาชาและยาสลบ เช่น
สำหรับการดูแลรักษาตนเองหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก เพื่อให้อาการค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างรวดเร็วผู้เข้ารับการผ่าตัดควรดูแลตัวเองดังนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารเยอะ ๆ และแสดงสีหน้า ยิ้ม หัวเราะ อย่างพอดีเพื่อไม่ให้แผลได้รับการกระทบกระเทือน อีกทั้งหากถอดเสื้อควรถอดอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนในส่วนของจมูก การแปรงฟันก็ควรแปรงเบา ๆ เพื่อไม่ให้กระเทือนไปถึงแผลผ่าตัด และระมัดระวังการสวมแว่นตาทุกชนิด ที่สำคัญที่สุดคือควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะแสงแดดที่มากเกินไปอาจทำให้ผิวบริเวณจมูกเปลี่ยนสีและเป็นอันตรายได้
หลังจากการผ่าตัดศัลยกรรม ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่ในระยะประมาณ 2-3 สัปดาห์แรกอาจมีอาการที่เป็นผลกระทบบริเวณรอบดวงตา อาทิ อาการชา อาการบวม หรือผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเปลี่ยนสี แต่มีในกรณีที่น้อยมากที่อาการบวมอาจจะอยู่นานถึง 6 เดือน ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมให้ลดลง
ที่สำคัญ หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรไปพบแพทย์ให้ตรงตามนัดและควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด