เสริมจมูก
โด่งปลายพุ่ง หมดปัญหาปลายจมูกบาง-ทะลุ
คนที่คิดจะ เสริมจมูก มักมีทรงจมูกที่ชอบอยู่ในใจ บางท่านชอบทรงจมูกของดาราบางคน อาจจะเป็นดาราไทยหรือดารา-นักร้องเกาหลี หรือไม่ก็เป็นบรรดาเน็ตไอดอลทั้งหลาย ทรงจมูกยอดฮิตมักจะเป็นจมูกทรงหยดน้ำ อย่างไรก็ดีตอนนี้ยังมีอีกทรงที่กระแสกำลังมาแรงในหมู่สาวๆ ที่อยาก ทำจมูก นั่นคือทรงดั้งโด่งปลายพุ่ง แต่คงมีบางคนอาจกังวลว่าถ้าทำปลายพุ่งมากๆ แล้วปลายจมูกอาจบางจนทะลุ ต้องวิ่งมาให้หมอแก้ไขอีก ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะสมัยนี้เทคนิคการ ทำจมูก พัฒนาไปมากจนสามารถ ทำจมูก ออกมาให้โด่งอย่างที่ต้องการ เติมปลายให้ยาวขึ้นหรือปลายพุ่งได้โดยไม่ต้องกลัวว่าปลายจมูกจะบางหรือทะลุ
การ เสริมจมูก เพื่อความสวยความงามในบุคคลทั่วไป เป็นศัลยกรรมที่คนนิยมทำกันมาก คนไข้ต้องอายุถึงเกณฑ์แพทย์จึงจะเสริมให้ ถ้าอายุน้อยกว่า 16 ปี ยังไม่ควรทำเพราะโครงหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้อีก ส่วนเทคนิคที่ทำกันอยู่โดยทั่วไป และทุกวันนี้ความนิยมก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ก็คือ การ เสริมจมูก ด้วยซิลิโคน ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากซับซ้อน เริ่มจากแพทย์จะให้ยานอนหลับเพื่อลดความกังวลใจ และขณะฉีดยาชารอบจมูกจะได้ไม่รู้สึกเจ็บ จากนั้นจะเปิดแผลบริเวณขอบรูจมูกยาวประมาณ 1 ซ.ม. เพื่อสร้างช่องว่างที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูกแล้วใส่แท่งซิลิโคนเข้าไป แผลเปิดนี้อาจเปิดข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ขึ้นกับความถนัดของแพทย์ เมื่อจัดวางซิลิโคนเรียบร้อยดีแล้วก็จะเย็บปิดแผล ปิดตามด้วยพลาสเตอร์หรือเฝือกจมูกป้องกันตัวจมูกและลดอาการบวม การผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้จมูกโด่งสวยสมใจ โดยปกติ การ เสริมจมูก ด้วยซิลิโคนเป็นการผ่าตัดเล็ก หลังทำไม่จำเป็นต้องนอนพักค้างคืนที่โรงพยาบาล แค่นอนพักประมาณ 1 ชั่วโมง จนกว่ายานอนหลับจะหมดฤทธิ์ พอรู้สึกตัวดี ก็สามารถกลับบ้านได้เลย
ปัจจุบัน ซิลิโคนที่ใช้ เสริมจมูก มี 2 ชนิด คือ 1. ซิลิโคนมาตรฐานธรรมดา ซิลิโคนจะมีลักษณะค่อนข้างแข็ง และ 2. ซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ เนื้อซิลิโคนจะนิ่ม เนียน และมีความยืดหยุ่นได้ดีเป็นพิเศษ สามารถบิดไปมาได้ และเนื่องจากโครงสร้างจมูกของคนเราไม่เหมือนกัน ถ้าจะ เสริมจมูก ก็ต้องปรึกษาแพทย์ว่าคุณเหมาะกับซิลิโคนชนิดใด โดยทั่วไป ถ้าเป็นคนเนื้อจมูกบาง เนื้อจมูกน้อย จะเหมาะกับซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ ทำแล้วจะดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นแท่งหรือสันชัดเจน แต่ถ้าเนื้อจมูกหนา จะเหมาะกับซิลิโคนมาตรฐานธรรมดามากกว่า เพราะหากใช้ซิลิโคนที่นิ่มไป เนื้อจมูกที่หนาอาจรัดจนซิลิโคนบิดเอียงได้ในอนาคต ส่วนใครที่กังวลว่าซิลิโคนที่ค่อนข้างแข็งจะทำให้เห็นขอบสันของซิลิโคนชัดเจน ก็ไม่ต้องกังวลเพราะเนื้อจมูกที่หนาจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้
สำหรับข้อดีของการใช้ซิลิโคน คือ ซิลิโคนมีปฏิกิริยาต่อร่างกายคนเราน้อยมาก และร่างกายสามารถรับและห่อหุ้มแท่งซิลิโคนให้ยึดอยู่กับเนื้อเยื่อได้ดี ส่วนอายุการใช้งานของซิลิโคนที่ใช้ เสริมจมูก จะอยู่ไปได้ตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือแก้ไขใหม่ เว้นแต่ว่าเคยเสริมไปแล้วอยากจะทำการเปลี่ยนหรือแก้ทรงใหม่
การ เสริมจมูก ด้วยซิลิโคนอย่างเดียวอย่างที่พูดไปข้างต้น หลายท่านทำแล้วได้จมูกโด่งสวย รู้สึกพึงพอใจ ก็คงแฮปปี้ทั้งหมอทั้งคนไข้ แต่มีคนไข้บางคนที่มีปัญหาปลายจมูกสั้น เนื้อจมูกน้อย แล้วอยาก ทำจมูก ทรงหยดน้ำ หรือบางคนอยากได้จมูกโด่งปลายพุ่งไปเลย กรณีอย่างนี้การ เสริมจมูก ด้วยซิลิโคนอย่างเดียวทำไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าแพทย์ใส่ซิลิโคนไปดันตรงปลายเพื่อให้ปลายยาวขึ้น ปลายจมูกมีโอกาสทะลุได้ ต้องเพิ่มเทคนิคเติมปลายจมูกด้วย “กระดูกอ่อน” เข้าไปด้วยจึงจะได้ทรงจมูกอย่างที่ต้องการ ซึ่งกระดูกอ่อนที่นำมาใช้ก็มาจากตัวของคนไข้เอง ที่นิยมกันก็จะเป็นหลังใบหู ส่วนจุดอื่นก็อาจจะเป็นจากผนังกั้นจมูก (Septum) หรือกระดูกอ่อนซี่โครง ถ้าต้องการให้ปลายพุ่งมากหน่อยก็ต้องใช้กระดูกอ่อนจากซี่โครงซึ่งจะมีปริมาณเนื้อกระดูกเยอะกว่าส่วนอื่น ส่วนคนที่ปลายจมูกสั้น เนื้อจมูกน้อย แล้วไม่ได้ระบุว่าจะเสริมทรงหยดน้ำหรือปลายพุ่ง แพทย์ก็จะแนะนำให้เติมปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อน เพื่อให้ปลายจมูกยาวขึ้น จะได้ไม่เป็นลักษณะจมูกหมูปลายแหงนเห็นรูจมูกชัด และไม่ต้องห่วงว่าแท่งซิลิโคนจะดันปลายจมูกจนบางหรือทะลุอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเติมปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนใช่ว่าจะเติมได้เลยในคนที่เสริมจมูกมาแล้ว หมายความว่าหากเป็นคนปลายจมูกสั้นและได้เสริมจมูกเรียบร้อยแล้วแต่ปลายแหงนเป็นจมูกหมู หรือต้องการเปลี่ยนเป็นทรงหยดน้ำหรือต้องการปลายพุ่ง แล้วมาขอให้แพทย์เติมปลายจมูกต่อจากจมูกที่เสริมอยู่เดิม แบบนี้แพทย์ไม่สามารถทำให้ได้ค่ะ จะต้องใช้วิธีเสริมซิลิโคนให้ใหม่ไปพร้อมกับเติมปลายจมูก ส่วนว่าทำไมเติมปลายด้วยกระดูกอ่อนแล้วถึงให้ผลดี และหลังทำโอกาสที่ปลายจมูกจะบางหรือทะลุเกิดขึ้นได้น้อยมาก ก็เป็นเพราะว่ากระดูกอ่อนนั้นเป็นเนื้อเยื่อจากตัวคนไข้เอง จึงมีความเป็นธรรมชาติและเข้ากับร่างกายได้ 100%
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเทคนิคในการ เสริมจมูก นั่นคือ การ เสริมจมูก ด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง โดยจะใช้กระดูกอ่อนซี่โครงเป็นวัสดุในการ เสริมจมูก แทนซิลิโคนตลอดความยาวของจมูก เนื่องจากกระดูกอ่อนซี่โครงมีปริมาณเนื้อกระดูกมากพอ หลายท่านอาจไม่คุ้นหูเท่าการเสริมด้วยซิลิโคน แถมความนิยมก็ยังไม่เท่าซิลิโคน แต่แนวโน้มก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยกระดูกอ่อนซี่โครงที่นำมาใช้จะเป็นของตัวคนไข้เอง เมื่อเป็นเนื้อเยื่อตัวเองก็จะมีความเป็นธรรมชาติและสามารถเข้ากับร่างกายได้ 100% ซึ่งการนำกระดูกอ่อนซี่โครงมาใช้เสริมจมูกจะสามารถเปลี่ยนโครงสร้างปลายจมูกให้พุ่ง, ยาว, โค้ง ได้ดีมาก โดยเฉพาะคนที่มีจมูกสั้นแล้วต้องการทรงจมูกที่โด่งยาวพุ่ง โดยไม่ต้องกลัวว่าปลายจมูกจะบางหรือทะลุ และยังยุบบวมเร็วกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน
อย่างไรก็ตาม การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงมีรายละเอียดในการทำที่ค่อนข้างยุ่งยากกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนทั่วไป เพราะต้องผ่าตัดนำกระดูกอ่อนซี่โครงออกมา แล้วนำมาตกแต่งให้ได้รูปทรงตามต้องการก่อนจะไปจัดวางไว้ในจมูก ซึ่งต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์สูง (ในงานด้านจมูก) จริงๆ ดังนั้น ควร ทำจมูกที่ไหนดี จึงเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบอย่างรอบคอบ ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านทั้งขั้นตอนการทำและเลือกทำกับศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ เพราะไม่ใช่ศัลยแพทย์ทุกคนจะทำได้
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง คนไข้จะต้องดมยาสลบ จึงต้องงดน้ำงดอาหารก่อนทำอย่างน้อย 6 ชม. โดยแพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดใต้ราวนม ขนาด 2-3 ซม. เพื่อนำกระดูกอ่อนจากซี่โครงออกมา การผ่าตัดใต้ราวนมก็เพื่อซ่อนรอยแผลผ่าตัด เมื่อตัดกระดูกอ่อนซี่โครงออกมาก็จะนำมาเหลาให้ได้รูปทรงและขนาดตามต้องการ จากนั้นผ่าเปิดแผลที่จมูกแล้วนำกระดูกอ่อนเสริมเข้าไป ซึ่งการผ่าเสริมทำได้ 2 วิธีคือ (1) เสริมแบบเปิด (Open Rhinoplasty) จะผ่าตัดเปิดเห็นโครงสร้างภายในจมูก ทำให้ผ่าตัดแก้ไขรูปทรงจมูกได้ดีและสามารถตกแต่งปลายจมูกได้อย่างชัดเจน และ (2) เสริมแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty) แพทย์จะเปิดแผลภายในช่องจมูกและใส่วัสดุที่ต้องการเสริมเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัดพร้อมกับตกแต่งโครงสร้างภายในจมูกและปลายจมูก เป็นเทคนิคที่ทำได้ยากกว่าแบบเปิด แผลผ่าตัดจะมองไม่เห็นจากภายนอก ซึ่งจะเลือกทำวิธีไหนขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา และโครงสร้างจมูกของผู้ป่วย เช่น ถ้าจมูกเอียงร่วมด้วยก็เหมาะจะเสริมจมูกแบบเปิด เป็นต้น การผ่าตัดใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หลังผ่าตัดจะต้องนอน รพ. 1 คืน
คนไข้ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี หากต้องการ เสริมจมูก ไม่ว่าด้วยเทคนิคแบบใดก็สามารถทำได้ โดยปกติก่อนผ่าแพทย์ก็จะตรวจสอบโครงสร้างของจมูก ใบหน้า เนื้อเยื่อในโพรงจมูกด้านนอกอย่างละเอียด และสอบถามคนไข้ว่าต้องการได้จมูกทรงแบบไหน, โด่งหรือปลายพุ่งมากน้อยเพียงใด หรือไม่คนไข้ก็จะบอกความต้องการของตัวเอง แพทย์ก็จะพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ได้ หรือทำได้มากน้อยเพียงใด
หลังจาก เสริมจมูก ไปแล้ว การดูแลหลังทำก็สำคัญ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยให้จมูกเข้าที่เข้าทางได้เร็วขึ้น
ในส่วนของ “อาการบวม” ที่มักเป็นกังวลกัน โดยทั่วไป หลังทำจมูกจะบวมอยู่ประมาณ 2-3 วัน และเริ่มยุบบวมในวันที่ 4 ถ้าจะให้จมูกดูสวยเข้าที่เข้าทางจริงๆ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
สิ่งที่คนเสริมจมูกต้องระมัดระวังในช่วงที่จมูกยังไม่เข้าที่ดี คือ การโดนกระแทก เนื่องจากวัสดุที่ใช้เสริมอย่างแท่งซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนยังไม่ถูกเนื้อจมูกห่อหุ้มจนแน่นพอรับแรงกระแทกแรงๆ ได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ ขึ้นไปถึงจะเริ่มรับแรงกระแทกได้ ถ้าจะให้มั่นใจก็ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป จึงจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จับ สัมผัสได้ เหมือนจมูกบุคคลทั่วไป
สำหรับท่านที่มีปัญหา “ปีกจมูกใหญ่” กว่าปกติ แม้จะ เสริมจมูก ให้โด่งขึ้นแล้ว รูปลักษณ์ของจมูกก็อาจยังไม่สวยได้ เพราะความใหญ่ของปีกจมูก ก็สามารถแจ้งแพทย์ทำการ ตัดปีกจมูก ไปพร้อมๆ กันได้ การตัดปีกจมูกเป็นการผ่าตัดที่ไม่ยุ่งยาก จะมีแผลเล็กๆ บริเวณมุมจมูกเท่านั้น
เสริมจมูก ศัลยกรรมที่ไม่เคยตกเทรนด์ สำหรับคนแถบเอเชียรวมถึงในไทยที่มักดั้งแบน หรือไม่มีดั้ง ช่วยให้ใบหน้าดูสวยมีมิติขึ้น เพิ่มความมั่นใจ เพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน และช่วยเสริมโหงวเฮ้ง ซึ่งปัจจุบันมีเทคนิคในการผ่าตัดที่จะช่วยให้ได้จมูกสวยสมใจได้ไม่ยาก แม้แต่จมูกโด่งปลายพุ่งที่ดูเหมือนจะทำได้ยาก ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็สามารถเนรมิตให้ได้ ดังนั้น จะ ทำจมูกที่ไหนดี ก็คงต้องดูกันให้รอบคอบสักนิดหนึ่ง จะได้บอกลา “ดั้งแหม็บ” ด้วยดั้งโด่งสุดปังกันค่ะ